ในช่วงที่ผ่านมาทีมชาติอุรุกวัยมีผู้เล่นตำแหน่งกองหน้าซึ่งมีฝีเท้าอยู่ในระดับโลกมากมาย ทั้ง เอกตอร์ สกาโรเน, อัลบาโร เรโคบา, ดิเอโก ฟอร์ลัน, หลุยส์ ซัวเรซ และเอดินสัน คาวานี เป็นต้น

จนกระทั่งมาถึงยุคปัจจุบันที่คงไม่มีใครปฏิเสธว่าหัวหอกของทีมชาติอุรุกวัยที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้น ดาร์วิน นูนเญซ ดาวยิงวัย 23 ปีจาก ลิเวอร์พูล ซึ่งถูกยกให้เป็นความหวังใหม่ของทีมชาติในช่วงรอบต่อของการเปลี่ยนถ่ายแข้ง

สำหรับ นูนเญซ เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ เปนญารอล ทีมในลีกบ้านเกิด ทว่าในช่วงที่อยู่กับทีมเยาวชนนั้น เขาต้องเจออุปสรรคสำคัญในอาชีพ นั่นก็คือ อาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าในตอนอายุเพียง 17 ปี และต้องพักรักษาตัวนานกว่าหนึ่งปี

โดยในช่วงเวลาที่ นูญเญซ บาดเจ็บดังกล่าวส่งผลให้ จูเนียร์ พี่ชายของเขาซึ่งอยู่ในทีมเยาวชนเช่นกัน ต้องจำใจลาออกจากสโมสร เนื่องจากต้องหาเงินไปจุนเจือครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะ และมองว่าน้องชายของเขาเหมาะกับการเป็นนักฟุตบอลมากกว่า

จากเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ นูนเญซ ตั้งเป้าหมายกับตัวเองว่าจะต้องเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงให้ได้ เพื่อทำให้ครอบครัวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่านี้

หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บ นูนเญซ ก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับ เปนญารอล ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานได้น่าประทับใจจนส่งผลให้ในปี 2019 เขาได้ย้ายไปค้าแข้งในทวีปยุโรปกับ อัลเมเรีย และถือเป็นจุุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต

โดยกับ อัลเมเรีย นั้น นูนเญซ ก็โชว์ฟอร์มโดดเด่น จนในปี 2020 เบนฟิกา ตัดสินใจมาปิดดีลเขาไปร่วมทีม

ตลอดช่วงเวลา 2 ซีซั่นกับ เบนฟิกา นั้น นูนเญซ ได้ยกระดับฝีเท้าของตัวเองให้กลายมาเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ขึ้นมาอยู่ในระดับท็อปของโลกได้ไม่ต่างกับ เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ หลังยิงไป 32 ประตูกับ 57 นัดทุกรายการ พร้อมได้รับความสนใจจากบรรดาบิ๊กทีมในยุโรป ทั้ง ลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

จนสุดท้ายในเดือน มิ.ย. 2022 กลายเป็น ลิเวอร์พูล ทุ่มเงินในระดับสถิติสโมสรกว่า 100 ล้านยูโร (ราว 3.7 พันล้านบาท) ในการเซ็นสัญญา นูนเญซ มาเสริมเกมรุก แม้ในช่วงแรกเขาจะตกเป็นเป้าวิจารณ์เนื่องจากผลงานในสนามที่ไม่ดี รวมถึงโดนแบนไป 3 นัดจากใช้ศีรษะโหม่งใส่ใบหน้า โยอาคิม แอนเดอร์เซน กองหลัง คริสตัล พาเลซ

ทว่าในช่วง 10 เกมหลังสุด นูนเญซ เริ่มปรับตัว และจับจังหวะกับต้นสังกัดใหม่ได้จนมำให้ขณะนี้เขามีสถิติเล่น 18 นัดทุกรายการยิงได้ 9 ประตู

ด้วยผลงานที่เกิดขึ้นทำให้แน่นอนว่าเขามีชื่อเป็น 1 ใน 26 ขุนพลของทีมชาติอุรุกวัยในฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ และถูกวางให้เป็นตัวหลักในแดนหน้าเนื่องจากดาวยิงรายอื่นๆ อย่าง ซัวเรซ และคาวานี นั้นก็อยู่ในช่วงปลายในอาชีพค้าแข้งแล้ว

ต้องมาติดตามว่า นูนเญซ ที่ได้ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ให้กับทัพ “จอมโหด” เป็นครั้งแรกจะสามารถพาทีมไปได้ถึงฝั่งฝันด้วยการเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 3 ต่อจากปี 1930 และ1950 ได้เลยหรือไม่?

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน