Euro2024 เดินทางมาถึงนัดสุดท้าย รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งหลายทีมยังมีลุ้นทั้งการเข้ารอบและตกรอบ โดยคืนนี้เตะ 4 คู่ ส่วนความพร้อมและถ่ายทอดสดช่องไหนไปดูกันเลย

Euro2024 ประจำวันที่ 25 มิ.ย. มีการแข่งขันทั้งหมด 4 คู่ แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา เริ่มต้นด้วยช่วงแรก 23.00 น. ตามเวลาไทย แข่งขันพร้อมกัน 2 คู่ในกลุ่มดี “กังหันสีส้ม”เนเธอร์แลนด์ เจอกับออสเตรีย และ “ตราไก่”ฝรั่งเศสเจอกับโปแลนด์

แมตช์ระหว่างเนเธอร์แลนด์กับออสเตรียจะเตะที่โอลิมเปีย สตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน ถ่ายทอดสดทางช่อง 32 และทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล 4 คู่นี้เคยเจอกันมาทั้งหมด 19 ครั้ง เนเธอร์แลนด์ชนะ 9 นัด เสมอกัน 4 นัด ออสเตรียชนะ 6 นัด หนล่าสุดพบกันในยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม เนเธอร์แลนด์ชนะ 2-0

สถานการณ์หลังผ่านมา 2 นัดเท่ากัน เนเธอร์แลนด์ชนะ 1 เสมอ 1 เก็บไป 4 คะแนน นำจ่าฝูง จากการชนะโปแลนด์ 2-1 และเสมอฝรั่งเศส 0-0 ตอนนี้เข้ารอบแน่นอนแล้ว อยู่ที่ว่าจะจบอันดับไหนของกลุ่มแค่นั้นเอง

ส่วนออสเตรียชนะ 1 แพ้ 1 มีอยู่ 3 คะแนน อยู่อันดับ 3 จากการแพ้ฝรั่งเศส 0-1 และชนะโปแลนด์ 3-1 สถานการณ์แทบไม่กดดันแล้ว เพราะเกมนี้ขอแค่ไม่แพ้ก็ฉลุยทันที หรือแพ้สกอร์ห่างไม่เกิน 3 ประตูก็จะเข้ารอบเช่นกัน

ความพร้อมนัดนี้ ทั้งคู่ไม่มีปัญหาเรื่องผู้เล่นบาดเจ็บหรือติดโทษแบนแต่อย่างใด คาดว่าเนเธอร์แลนด์จะใช้แผน 4-2-3-1 บาร์ต แฟร์บรูกเกน : เดนเซล ดุมฟรีส์, สเตฟาน เดอ ไฟร, เฟอร์จิล ฟาน ไดก์, นาธาน อาเก : เยอร์ดี สเคาเตน, ทิจจานี ไรน์เดอร์ส : เจเรมี ฟริมปง, ชาวี ซิโมนส์, โคดี กักโป : เมมฟิส เดอปาย

ขณะที่ออสเตรียคงวางแผนการเล่น 4-2-3-1 พาทริก เพนต์ซ : สเตฟาน พอช, แกร์น็อต เทราเนอร์, ฟิลิปป์ เลียนฮาร์ต, ฟิลิปป์ เอ็มเวเน : โฟลเรียน กริลลิตช์, นิโคลัส ไซวาล์ด : คอนราด ไลเมอร์, คริสทอฟ เบาม์การ์ตเนอร์, มาร์เซล ซาบิตเซอร์ : มาร์โก อาร์เนาโตวิช

ด้านแมตช์ระหว่างฝรั่งเศสกับโปแลนด์จะเตะที่เบเฟาเบ สตาดิโอน ดอร์ตมุนด์ (ซิกนัล อิดูนา ปาร์ก) เมืองดอร์ตมุนด์ ถ่ายทอดสดทางช่อง 36 และทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล 3 คู่นี้เคยเจอกันมาทั้งหมด 17 ครั้ง ฝรั่งเศสชนะ 9 นัด เสมอกัน 5 นัด โปแลนด์ชนะ 3 นัด หนล่าสุดพบกันฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ฝรั่งเศสชนะ 3-1

สถานการณ์หลังผ่านมา 2 นัดเท่ากัน ฝรั่งเศส ชนะ 1 เสมอ 1 เก็บไป 4 คะแนน ยึดรองจ่าฝูง จากการชนะออสเตรีย 1-0 และเสมอเนเธอร์แลนด์ 0-0 เข้ารอบแน่นอนแล้ว อยู่ที่ว่าจะจบอันดับไหนแค่นั้นเอง ส่วนโปแลนด์แพ้ 2 นัด ยังไม่มีคะแนน อยู่อันดับ 4 จากการแพ้เนเธอร์แลนด์ 1-2 และแพ้ออสเตรีย 1-3 ตกรอบไปเรียบร้อยแล้ว

ความพร้อมนัดนี้ ฝรั่งเศสยังต้องลุ้นว่า คีลิยัน เอ็มบัปเป ลงสนามไหวหรือไม่ ส่วนโปแลนด์ไม่มีปัญหาเรื่องผู้เล่นบาดเจ็บหรือติดโทษแบนแต่อย่างใด คาดว่าฝรั่งเศสคงใช้แผน 4-2-3-1 ไมก์ เมนญอง : ฌูลส์ คุนเด, ดาโยต์ อูปาเมกาโน, วิลเลียม ซาลิบา, เธโอ แอร์กน็องเดซ : เอ็นโกโล ก็องเต, ออเรเลียง ชูอาเมนี : อุสมาน เดมเบเล, อ็องตวน กรีซมันน์, อาเดรียง ราบิโอต์ : มาร์กกุส ตูราม

ขณะที่โปแลนด์น่าจะใช้ระบบ 3-4-1-2 วอยเช็ก เชสนี : พาเวล ดาวิโดวิช, ยาน เบดนาเร็ก, ยาคุบ คิวิออร์ : เพอร์เซมีสลาฟ ฟรันคอฟสกี, ยาคุบ โมเดอร์, บาร์ตอส ซลิช, นิโคลา ซาเลฟสกี : พิโอเตอร์ เซียลินสกี : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี, เคอร์ซิสตอฟ พิอาเต็ก

ต่อด้วยช่วงที่สองเวลา 02.00 น. เข้าสู่เช้าวันที่ 26 มิ.ย. ตามเวลาไทย พร้อมกัน 2 คู่ในกลุ่มซี “สิงโตคำราม”อังกฤษ รองแชมป์เก่ายูโร 2020 เจอกับสโลวีเนีย และ “โคนม”เดนมาร์ก เจอกับเซอร์เบีย แมตช์ระหว่างอังกฤษกับสโลวีเนียจะเตะที่โคโลญจน์ สเตเดียม (ไรน์เอเนอร์กีสตาดิโอน) เมืองโคโลญจน์ ถ่ายทอดสดทางช่อง 36 และทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล 4

คู่นี้เคยเจอกันมาทั้งหมด 6 ครั้ง อังกฤษไม่เคยแพ้เลย โดยชนะ 5 นัด เสมอกันอีก 1 นัด หนล่าสุดพบกันในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 เจ๊ากันบ้านสโลวีเนีย 0-0 และอังกฤษเปิดบ้านชนะ 1-0

สถานการณ์หลังผ่านมา 2 นัดเท่ากัน อังกฤษชนะ 1 เสมอ 1 เก็บไป 4 คะแนน นำจ่าฝูง จากการชนะเซอร์เบีย 1-0 และเสมอเดนมาร์ก 1-1 เข้ารอบแน่นอนแล้ว อยู่ที่ว่าจะจบอันดับไหนแค่นั้นเอง

ส่วนสโลวีเนียเสมอ 2 นัด มีอยู่ 2 คะแนน อยู่อันดับ 3 จากการเสมอเดนมาร์ก 1-1 และเสมอเซอร์เบีย 1-1 ขอแค่ไม่แพ้เกมนี้จะเข้ารอบทันที

ความพร้อมนัดนี้ อังกฤษต้องเช็กความฟิตของ ลุก ชอว์ และคีแรน ทริปเปียร์ ส่วนสโลวีเนียต้องเช็กความฟิตของ ยาน โอบลัก, อดัม กเนซดา เชริน, ติมี เอลส์นิก คาดว่าอังกฤษจะใช้แผน 4-2-3-1 จอร์แดน พิกฟอร์ด : ไคล์ วอล์กเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ก เกฮี, โจ โกเมซ : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เดแคลน ไรซ์ : บูคาโย ซากา, จูด เบลลิงแฮม, ฟิล โฟเดน : แฮร์รี เคน

ขณะที่สโลวีเนียคงวางหมาก 4-4-2 ยาน โอบลัก : ซาน คาร์นิชนิก, วานยา เดอร์คูซิช, ยาคา บิโยล, เอริก ยานซา : เปตาร์ สโตยาโนวิช, อดัม กเนซดา เชริน, ติมี เอลส์นิก, ยาน มลาคาร์ : อันดราซ สโปราร์, เบนยามิน เซสโค

ด้านแมตช์ระหว่างเดนมาร์กกับเซอร์เบียจะเตะที่สนามมิวนิก ฟุตบอล อารีนา (อัลลิอันซ์ อารีนา) เมืองมิวนิก ถ่ายทอดสดทางช่อง 30 และทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล 3 คู่นี้เคยเจอกันมาทั้งหมด 3 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 2006 ที่เซอร์เบียแยกดินแดนและเริ่มลงแข่งภายใต้ชื่อนี้ ซึ่งผลเป็นเดนมาร์กชนะทั้ง 3 นัด หนล่าสุดพบกันในเกมกระชับมิตรเมื่อเดือนมีนาคม 2022 เดนมาร์กเปิดบ้านชนะ 3-0

สถานการณ์หลังผ่านมา 2 นัดเท่ากัน เดนมาร์กเสมอ 2 นัด มีอยู่ 2 คะแนน ยึดรองจ่าฝูง จากการเสมอสโลวีเนีย 1-1 และเสมออังกฤษ 1-1 ขอแค่ไม่แพ้เกมนี้จะเข้ารอบทันที ส่วนเซอร์เบียเสมอ 1 แพ้ 1 มีอยู่ 1 คะแนน อยู่อันดับ 4 จากการแพ้อังกฤษ 0-1 และเสมอสโลวีเนีย 1-1 ต้องชนะสถานเดียวเท่านั้นจึงจะได้เข้ารอบต่อไป

ความพร้อมนัดนี้ เดนมาร์กต้องเช็กความฟิต โธมัส เดลานีย์ ส่วนเซอร์เบียไม่มี ฟิลิป คอสติช (บาดเจ็บ) ซึ่งถอนตัวจากทีมไปแล้ว คาดว่าเดนมาร์กจะวางหมาก 3-4-1-2 แคสเปอร์ ชไมเคิล : โยอาคิม แอนเดอร์เซน, แอนเดรียส คริสเตนเซน, แยนนิก เวสเตอร์การ์ด : โยอาคิม เมห์เล, มอร์เตน ยูลแมนด์, ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก, วิกเตอร์ คริสเตียนเซน : คริสเตียน อีริกเซน : ราสมุส ฮอยลุนด์, โยนาส วินด์

ขณะที่เซอร์เบียคงใช้แผน 3-4-1-2 เปรดรัก รายโควิช : นิโคลา มิเลนโควิช, มิลอส เวลจ์โควิช, สตราฮินยา พาฟโลวิช : อันดริยา ซิฟโควิช, อิวาน อิลิช, เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช, ฟิลิป มลาเดโนวิช : ดูซาน ทาดิช : อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช, ดูซาน วลาโฮวิช

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน