เศรษฐา เปิดใจ หลังศาลรธน.รับคำร้อง 40 สว.ยื่นสอย ลั่นเป็นมืออาชีพ เข้ามาสู่เวทีการเมือง พร้อมรับการตรวจสอบ ไม่ขอพูดถึงเบื้องหน้าเบื้องหลัง หวั่นกดดันศาล เดินหน้าทำงานต่อ

เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2567 เวลา 16.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง ที่ห้อง Sky Room ชั้น 24 โรงแรม The Peninsula Tokyo นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 รับคำร้องของ 40 สว. ยื่นถอดถอนจากตำแหน่งจากกรณีเสนอชื่อ นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และมีมติ 5 ต่อ 4 ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า ตนมีเวลา 15 วัน ถ้าเสร็จภารกิจเย็นนี้ ตนจะโทรศัพท์พูดคุยกับทีมกฎหมายเพื่อดูว่าจะไปชี้แจงอย่างไร

เป็นธรรมดาของการเข้าสู่การเมือง เราต้องพร้อมให้ตรวจสอบได้ หากฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายตุลาการข้องใจก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารต้องไปชี้แจง

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เห็นหัวข้อประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องการให้ชี้แจงแล้วหรือยัง นายกฯกล่าวว่า ยังไม่มี และตนยังไม่มีเวลา ตอนที่มติศาลรัฐธรรมนูญออกมาก็อยู่ระหว่างการประชุม แต่เป็นธรรมดาของระบอบประชาธิปไตย ต้องรับฟัง

“แต่ผมมั่นใจว่าชี้แจงได้ ก็ต้องให้เวลาท่านพิจารณา ไม่อยากไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญนัก”

เมื่อถามว่าไม่มีผลกระทบกับการปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศขณะนี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี และในระยะยาวก็ไม่มี อีกทั้งไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเรามีภารกิจอยู่แล้ว เราต้องแยกแยะให้ถูก เรื่องปัญหาที่บ้านเราต้องแก้ไขกันไป มีทีมงานช่วยดูอยู่แล้ว เป็นธรรมดา เข้าสู่เวทีการเมืองเราต้องให้ความกระจ่างต่อสาธารณชน

เมื่อถามว่ามั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างใช่หรือไม่ เพราะการตัดสินใจใดๆ มีทีมที่ปรึกษาและมีคณะกรรมการกฤษฎีกาให้คำปรึกษาอยู่แล้ว นายกฯ กล่าวว่า มั่นใจ แต่ต้องดูคำถามอีกทีว่าตรงไหนเป็นอย่างไร และเชื่อว่าคนที่ต้องตัดสินเขาต้องดูให้ดีๆ

ส่วนที่บางฝ่ายพูดทำนองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีบางคนบางกลุ่ม หรือ สว.บางคนต้องการเล่นเกมต่อรองบางอย่าง นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าท่านต่อรองอะไร ตนไม่อยากคิดในแง่ลบ ท่านก็มีหน้าที่ของท่าน ก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าบางคนถ้าเกิดหมดวาระไปแล้วไม่ควรจะเสนออะไรอย่างไร แต่ตนไม่ทราบ ก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย ถ้าตามกฎหมายท่านยังมีสิทธิ์เสนอก็เสนอไป ตนคงไม่ไปวิจารณ์ เพราะกฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องเกมการต่อรองอะไรอยู่ข้างหลัง ไม่อยากมองลึกไปขนาดนั้น เพราะเชื่อว่าทุกท่านมีความปรารถนาดีกับประเทศชาติ อยากให้การบริหารราชการแผ่นดินโปร่งใสและชอบธรรม

เมื่อถามว่าลายฝ่ายไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น เนื่องจากเวลานี้ประเทศเดินหน้าไปด้วยดี อยากบอกอะไรถึงฝั่งคนที่มองว่ารัฐบาลยังทำไม่ถูกใจบ้างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าการที่เราเข้ามาสู่การเมือง จะทำทุกอย่างให้ถูกใจทุกคนเป็นไปได้ลำบาก

แต่ขอให้มั่นใจ รัฐบาลนี้ภายใต้การนำของตน เรายึดมั่นกับความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นหลัก และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเรื่องการตรวจสอบ ไม่ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ ตนก็พร้อมเข้าไปตอบ และให้เกียรติรัฐสภามาตลอด

ฉะนั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่เราเข้าสู่การเมืองแล้ว ต้องมีทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ อีกทั้งยังมีองค์กรอิสระเข้ามากำกับตรวจสอบดูแล เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความชอบธรรม อย่าไปบอกเลยว่ามีใครอยู่เบื้องหลังเบื้องหน้า ส่วนตัวคิดว่าเมื่อมาอย่างนี้เราก็ต้องให้ความกระจ่างกันไป

เมื่อถามว่าอนาคตการเมืองอาจจะร้อนแรงและพุ่งเป้ามาที่ตัวนายกฯมากยิ่งขึ้น ตรงนี้พร้อมรับสถานการณ์ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ผมพร้อมอยู่แล้ว จะเป็นเดือนที่ 8 หรือปีที่ 1 มันก็เหมือนกันทุกวัน มีภารกิจที่ต้องทำ และมีทั้งฝ่ายที่ชอบหรือไม่ชอบในการกระทำของเรา แต่ขอยืนยันในความตั้งใจจริง และไม่ได้ท้อถอยอะไร ตรงนี้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว”

เมื่อถามว่าจะตั้งหรือมอบหมายใครเป็นหัวหน้าคณะทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้ตั้งใคร ต้องดูอีกครั้ง ต้องไปดูมติก่อนว่าออกมาอย่างไร 6 ต่อ 3 ให้รับเรื่อง และ 5 ต่อ 4 ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ต้องไปดูเนื้อหากันอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ส่งมาให้อ่านแล้วแต่ยังไม่ได้อ่าน เพราะติดภารกิจ

เมื่อถามว่าจะให้กำลังใจตัวเองและผู้สนับสนุนอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า “ตัวผมเองคิดว่าคงไม่ต้องให้ เพราะเราอายุขนาดนี้แล้ว ผ่านวิกฤตมาเยอะ ตรงนี้ไม่มีปัญหา ส่วนคนที่สนับสนุนก็ขอให้มั่นใจว่าผมทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ และผมเชื่อว่าคนที่ทำงานให้ผมทุกคนก็ทราบดี ว่าผมทำตรงนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเชื่อว่าเราเป็นมืออาชีพ ต้องพร้อมตอบข้อสงสัย ใช้คำนี้ดีกว่า ไม่อยากให้คิดเป็นอื่น อย่าไปคิดให้ลึกเกินไปเลย มันไม่มีความสบายใจ ผมเชื่อว่าทุกคนก็มีความปรารถนาดีกับประเทศทั้งนั้น”

เมื่อถามว่ากำลังใจสำคัญของนายกฯ ในช่วงเวลานี้คืออะไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ถ้าเกิดมาอยู่ตรงนี้แล้วคิดว่าคงไม่ต้องการกำลังใจ การที่เราเข้ามาสู่เวทีการเมือง ผ่านการเลือกตั้งที่ชอบธรรม ผ่านการตั้งรัฐบาล 3 เดือน มาอยู่เป็นรัฐบาล 8-9 เดือนแล้ว เชื่อว่าเห็นถึงความเดือดร้อนกันอยู่แล้ว ถึงแม้จะครบกำหนด 15 วันแล้วมีการตัดสินหรือพิจารณาอีก ในทุกๆ วันล้วนมีความหมาย ทุกคนต่างมีความเดือดร้อนอยู่ ทั้งโครงการต่างๆ หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อว่าทุกเรื่องเป็นหน้าที่ที่ตนต้องทำ

“ปัญหาที่เข้ามา ไม่ว่าปัญหาส่วนตัว หรือปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เราต้องเป็นผู้ใหญ่พอ ต้องแบ่งแยกให้ถูก ในการแก้ไขปัญหาก็มีทีมแก้ไขปัญหาและเข้าไปชี้แจง และวันพรุ่งนี้ (24 พ.ค.) ก็มีภารกิจ และเสาร์ อาทิตย์นี้เมื่อกลับไปก็มีภารกิจจัดเต็มอยู่แล้ว ฉะนั้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงวิธีความคิด ไม่ได้ต้องการกำลังใจพิเศษจากใครใดๆ ทั้งสิ้น ผมสามารถที่จะ Switch On and Off ได้”นายกฯ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน