เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2567 ที่โรงพยาบาลชะอำ จ.เพชรบุรี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดสธ. พญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ คณะที่ปรึกษา รมว.สธ. และคณะผู้บริหารกระทรวง มาตรวจเยี่ยมนโยบาย ‘บัตรประชาชนใบเดียวรักษาฟรีทุกที่’ ใน จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งใน 4 จังหวัดนำร่องระยะที่ 1 ของโครงการ

นพ.ชลน่านกล่าวว่า จ.เพชรบุรี เป็นหนึ่งในจังหวัดนำร่องนโยบายบัตรประชาชนใบเดียว ซึ่งมีทั้งโรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลภาคเอกชน คลินิกเอกชน ร้านยา และห้องปฏิบัติการ(แล็บ) ในภาคเอกชน เข้าร่วมในนโยบาย ซึ่งโรงพยาบาลชะอำ เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่อยู่ในนโยบายบัตรประชาชนใบเดียว วันนี้ตนจึงได้มาติดตามดูว่าหลังจากวันที่ 7 ม.ค. ที่มีการคิกออฟนโยบายแล้ว จากที่มาตรวจเยี่ยมพบว่า ประโยชน์ใหญ่ที่สุดคือการสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้ที่มารับบริการได้รับบริการอย่างมีคุณภาพ มีมาตรฐาน ซึ่งเป็นไปตามถ้อยแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง

ผู้สื่อข่าวถามถึงความพึงพอใจต่อนโยบาย ที่เพิ่งเปิดมาเพียง 1 สัปดาห์ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตนมีความพึงพอใจให้คะแนนมากกว่าร้อยละ 80 เพราะกระแสตอบรับที่เข้ามานั้น ยังไม่มีเรื่องความไม่พึงพอใจ มีเพียงปัญหาติดขัดเล็กน้อย เช่น ผู้ที่มารับบริการยังไม่ได้ยืนยันตัวตน ซึ่งจะเป็นคอขวดทำให้ช้า ฉะนั้น อีกร้อยละ 20 ที่เป็นปัญหานั้นต้องไปปรับแก้เพื่อไม่ให้มีคอขวด

อีกเรื่องคือการใช้สิทธิข้ามเขตที่เป็นคำถามมาก โรงพยาบาลชะอำ แสดงตัวเลขว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 4-5 ถือว่าปกติ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าร้อยละ 50 คือ คนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานที่นี่ แต่เป็นการเพิ่มด้วยความจำเป็น เพราะแม้อยู่ต่างถิ่นแต่มีการทำงานในบริเวณพื้นที่นี้ ตรงนี้เรารับได้ เพราะเป็นเจตจำนงของเราอยู่แล้ว สิทธิอื่นก็เริ่มมาใช้บริการ

โรงพยาบาลชะอำเป็นเครือข่ายของประกันสังคม เลยไม่มีปัญหา สามารถผสมผสานการบริการได้ ใช้บัตรประชาชนยืนยันก็ใช้สิทธิประกันสังคม โรงพยาบาลก็เบิกจ่ายได้ ภาพเหล่านี้จะขยายให้กว้างขึ้นทุกสิทธิเข้าถึงการบริการสะดวกแบบนี้ได้ แต่ต้องมีการพูดคุยกันแต่ละสิทธิ

เมื่อถามถึงงบประมาณ 300 ล้านบาทสนับสนุนการเดินหน้าใน 4 จังหวัด และอนาคตจะเพิ่มงบประมาณเพื่อรองรับหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า การจะทำให้สำเร็จได้ ปัจจัยนอกจากบุคลากร ความพร้อมเชิงระบบแล้ว เรื่องงบประมาณก็สำคัญ อย่างปีนี้เป็นปีเริ่ม ซึ่งงบประมาณที่เสนอในร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2567 เฉพาะนโยบายบัตรประชาชนรักษาทุกที่ที่เป็นเรื่องใหม่ ไม่เคยมีในแผนเบิกจ่ายงบประมาณ เสนอรวม 6,200 กว่าล้านบาท

ส่วนที่เป็นแผนงานโครงการที่เสมือนเดิม เช่น มะเร็งครบวงจร ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก อยู่ในแผนงานเดิม ใช้งบประมาณไปพลางก่อนของงบปี 2566 ได้ และงบประมาณกองทุนบัตรทองปี 2568 ที่กำลังเข้าสู่สภา เราขอไป 2.3 แสนล้านบาท

ด้าน นพ.ประกาศิต ชมชื่น ผอ.โรงพยาบาลชะอำ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานหลังคิกออฟบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ของโรงพยาบาลชะอำ พบว่า ผู้ป่วยนอกที่มารับบริการวันที่ 8-11 ม.ค.2567 มีจำนวน 3,613 คน เฉลี่ย 903 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 4 สาเหตุที่มารับบริการ คือ ร้อยละ 11 อุบัติเหตุ เช่น หกล้ม มีดบาด ร้อยละ 20 มีความฉุกเฉิน เช่น ปวดท้อง ติดเชื้อทางดินหายใจ เจ็บหน้าอก ร้อยละ 27 มาทำแผลต่อเนื่อง และ ร้อยละ 42 เจ็บป่วยทั่วไปไม่ฉุกเฉิน ทั้งนี้ ประชาชนยืนยันตัวตน Health ID แล้วร้อยละ 42.75 ผู้ให้บริการยืนยันตัวตนแล้ว คือ แพทย์ ร้อยละ 61.11 ทันตแพทย์ เภสัชกร เทคนิคการแพทย์ ครบ 100% แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าลดภาระงานบุคลากรลดลงมากน้อยแค่ไหน นพ.ประกาศิตกล่าวว่า ที่ลดเยอะคือส่งยา เพราะผู้ป่วยไม่ต้องรอรับที่ห้องยา ระยะเวลารอคอยก็ไม่มี ไปรอที่บ้าน ลดเวลารอคอยของผู้ป่วยด้วย ส่วนอื่นจะค่อยๆ ปรับไปเพราะเพิ่งเริ่ม ส่วนอนาคตห้องบัตรหรืออะไรที่เป็นเอกสารจะน้อยลง

เมื่อถามว่าโรงพยาบาลชะอำ สามารถลดเวลารอคอยการรักษาลงมากน้อยแค่ไหน นพ.ประกาศิตกล่าวว่า เมื่อก่อนโรงพยาบาลชะอำอาจจะใช้เวลาประมาณครึ่งวัน ก็เหลือ 1-2 ชั่วโมง เพื่อกลับได้ช่วงเช้าไม่ต้องถึงบ่าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน