FootNote:”สัญญะ”จาก รูปธรรม มวลชน ห้อมล้อม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
แต่ละจังหวะก้าวในการเคลื่อนไหวของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และลานคนเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปนนทบุรี ระยอง
ล้วนดำเนินไปอย่างมี “เป้าหมาย” เหมือนกับจะเป็นการแสดงความขอบคุณ แต่ผลสะเทือนที่ตามมามากกว่านั้น
เป็นผลสะเทือนต่อพรรคก้าวไกล ต่ออนาคตทางการเมือง
มีคนจำนวนหนึ่งซึ่งติดอยู่กับความเคยชินเก่า อาจจะมองและประเมินว่าที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคลื่อนไหวในลักษณะนี้ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณในลักษณะต่อรองทางการเมือง
นั่นก็คือ ส่งสัญญาณไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่งสัญญาณไปยังพรรคพลังประชารัฐ ส่งสัญญาณไปยัง 250 ส.ว.ที่จะยอมรับหรือไม่ยอมรับต่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงพรรคก้าวไกลและ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มองข้ามช็อตการลงมติในที่ประชุมรัฐสภาไปแล้ว เพียงแต่นำเอาผลจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม มาเป็น “สัญญะ” ในทางการเมือง
ความแหลมคมอย่างยิ่งของ “สัญญะ” ในลักษณะนี้ คือไม่เพียงแต่อธิบาย “อดีต” หากแต่ยังชี้ไปถึง “อนาคต” อย่างสำคัญ
แรกที่มี “ปรากฏการณ์ สามย่านมิตรทาวน์” และตามมาด้วย “ปรากฏการณ์ เซ็นทรัล พระราม 2” คำถามในทางสังคมก็คือ ปรากฏการณ์เหล่านี้ จะมีผลต่อการเลือกในวันที่ 14 พฤษภาคมหรือไม่
เป็นคำถามและความสงสัยเดียวกันกับที่เคยเกิดกับพรรคอนาคตใหม่ ในห้วงก่อนการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562
แม้คำตอบจะพิสูจน์ให้เห็นอย่างเด่นชัดจากจำนวน 6.3 ล้านคะแนนเสียง ที่พรรคอนาคตใหม่ได้มา พร้อมกับจำนวน 81 ส.ส.ที่อยู่ในมือ
เป็นอันดับ 3 รองจากพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ และเหนือกว่า พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
จึงมีความจำเป็นที่พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะแสดงให้เห็นอีกครั้งหนึ่งจากผลเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม
พลันที่พรรคก้าวไกลเปิดปฏิบัติการเดินสายแสดงความขอบคุณ รูปธรรมในทางการเมือง ก็ตอกย้ำชัดเจนอีกคำรบหนึ่งรองรับกับจำนวน 14 กว่าล้านคะแนนเสียงจากทั่วประเทศ
ครองความเป็นพรรคอันดับ 1 เหนือกว่าทุกพรรคการเมือง
จำนวนมวลชนที่ไหลเข้ามาห้อมล้อมรถของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงเท่ากับเป็นการตอกย้ำและส่งสัญญาณว่า หากมีการเลือกตั้งอีกชัยชนะก็จะเป็นของพรรคก้าวไกล
เพียงแต่พรรคก้าวไกลจะรักษา “ความนิยม” นี้ไว้ได้อย่างไร
