อสส.ชี้ม.157-ส่งศาล22ธค. ตั้งกก.สางปม‘อัยการบอย’ สะพัดออกคลิป3จ่อมอบตัว

อธิบดีอัยการสำนักงานวิชาการ ตั้งคณะทำงานวิเคราะห์สำนวน ‘แป้ง นาโหนด’ ปมพาดพิง ‘อัยการบอย’ อดีตผู้ต้องหาร่วมแก๊ง หลังอสส.สั่งอัยการจังหวัดพัทลุง และอธิบดีอัยการภาค 9 ทำสรุปความเห็นส่งเข้าส่วนกลาง แต่ยังยืนยันว่าชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่อสส.ชี้ขาดฟ้อง 7 ตำรวจ-1 พลเรือน จำเลยชุดตำรวจอุ้มรีดเงิน ‘จรวด’ ต่อศาลปราบทุจริตภาค 9 โดนข้อหาหนัก ผิดม.157 อุ้มกรรโชกทรัพย์ นัดส่งตัวฟ้อง 22 ธ.ค.นี้

จากกรณีนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดสั่งการให้ตรวจสอบกรณี นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ผู้ต้องหาหลบหนีการควบคุมตัวของ กรมราชทันฑ์ ระหว่างถูกส่งตัวไปรักษาที่ร.พ.มหาราชนครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา และยังหลบหนีอยู่ เผยแพร่คลิปวิดีโดในโซเชี่ยล อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดี และเอ่ยชื่อถึงอัยการรายหนึ่งที่มีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องกับการที่นายเชาวลิตถูกดำเนินคดีจนต้องหลบหนี

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 29 พ.ย. รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีการตรวจสอบที่ปรากฏคลิปนายเชาวลิต พาดพิงพนักงานอัยการชื่อ ‘บอย’ ที่เคยเป็นผู้ต้องหาร่วมกับนายเชาวลิต เเต่อธิบดีอัยการภาค 9 สั่งไม่ฟ้องอัยการบอยกับพวกนั้น มีรายงานว่าสำนวนการตรวจสอบที่สำนักงานอธิบดีอัยการภาค 9 สรุปผลส่งมาถึงสำนักงานวิชาการในช่วงบ่ายเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยนายวัชระ อินทุสุต อธิบดีอัยการสำนักงานวิชาการ มีคำสั่งเเต่งตั้งคณะทำงานวิเคราะห์สำนวนเป็นพนักงานอัยการสำนักงานวิชาการ 6 คน มีรองอธิบดีอัยการสำนักงานวิชาการ เป็นหัวหน้าคณะทำงานพิจารณาวิเคราะห์สำนวนรายงานไปยังอธิบดีอัยการสำนักงานวิชาการ โดยจะมีการประชุมทีมนัดเเรกวันที่ 29 พ.ย.

สำหรับสำนวนการตรวจสอบของสำนักงานอธิบดีอัยการภาค 9 ที่มีการ สรุปผลความเห็นส่งมายังสำนักงานวิชาการระบุว่า การสั่งคดีของอัยการ จังหวัดพัทลุงเเละอธิบดีอัยการภาค 9 ชอบด้วยกฎหมายเเล้ว

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 นัดส่งฟ้อง 1.พ.ต.ต. ฤทธิไกร เหมทานนท์ อดีต สว.กก.สส.บก. ภ.8 (ตำเเหน่งขณะเกิดเหตุ) 2.ร.ต.อ. อภิชาติ สกุลกิจ 3.ร.ต.อ.วิทยา อำนวย 4.ด.ต.ฐนนท์ธร กิจถาวร 5.ด.ต.นิรัตน์ เพชรรัตน์ 6.ส.ต.ต.อาณัติ แดงหนำ 7.ร.ต.อ.สุรินทร์ ไกรสิทธิ์ และ 8.นายอำพร นวลศรี (สายลับ)

เป็นจำเลยในความผิด ฐานเป็น เจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือโดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป,

ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ โดยแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นตำรวจ หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป, ร่วมกันกรรโชกทรัพย์โดยขู่ว่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ผู้ถูกข่มขืนใจได้รับอันตรายสาหัสและโดยมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ, ร่วมกันมีไว้ใน ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (พืชกระท่อม) โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

สั่งฟ้อง ร.ต.อ.อภิชาติ สกุลกิจ ผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และสั่งไม่ฟ้องพ.ต.ต.ฤทธิไกร เหมทานนท์ ร.ต.อ. วิทยา อำนวย ผู้ต้องหาที่ 1 เเละ 3 รวมถึง ด.ต.ฐนนท์ธร กิจถาวร, ด.ต.นิรัตน์ เพชรรัตน์, ส.ต.ต.อาณัติ แดงหนำ, ร.ต.อ. สุรินทร์ ไกรสิทธิ์, นายอำพร นวลศรี ผู้ต้องหาที่ 4-8 ในความผิดฐานร่วมกัน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม โดยมีและใช้อาวุธปืนและร่วมกัน มียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย

จากกรณีจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับพวกซึ่งเป็นพลเรือน 1 คน รวมทั้งหมด 8 คน ใช้รถยนต์กระบะ 1 คัน และรถยนต์เก๋งอีก 1 คัน ขับมาจอดหน้าบ้านเลขที่ 94 หมู่ 2 ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง จับตัวนายสิทธิ์เดช หรือจรวด ทรงเดชะ ลูกชายเจ้าของบ้านขึ้นรถยนต์ พาตัวหายไป และหลังจากนั้นไม่นาน นายสิทธิ์เดชติดต่อทางโทรศัพท์กลับมา หาญาติที่บ้าน โดยบอกว่าให้นำเงินสด จำนวน 1.5 ล้านบาท ไปให้แก่กลุ่มชายฉกรรจ์ที่มาหาที่บ้านก่อนหน้านี้ ซึ่งอ้างตัวภายหลังว่าเป็นตำรวจสังกัดชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 โดยจำนวนเงินดังกล่าวต้องแลกกับความปลอดภัย และการปล่อยตัว ต่อมาผบช.ภาค 9 มีความเห็นแย้ง คำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ

ต่อมาอัยการสูงสุดชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1,3 เเละที่ 4-8 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม โดยมีและใช้อาวุธปืนและร่วมกัน มียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ตามความเห็นพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 และสั่งยุติการดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้ง 8 ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเกท 5 (พืชกระท่อม) โดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะมีกฎหมายออกใช้ภายหลังการกระทำผิดยกเลิกความผิดเช่นนั้น

ส่วนข้อหาอื่นชี้ขาดฟ้องตามความเห็นของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 ขณะนี้คดีอยู่ระหว่าง เรียกตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 มาเพื่อฟ้องศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้

สำหรับสำนวนดังกล่าวเป็นเหตุการณ์เดียวกันกับที่ศาลพิพากษาจำคุก 20 ปี 6 เดือน นายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง ในคดี ที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง นายเชาวลิต ในความผิดฐาน ร่วมกัน ปล้นทรัพย์ฯ, ข่มขืนใจผู้อื่นฯ, มีอาวุธฯ, พาอาวุธไปที่ สาธารณะฯ ในคดีชิงตัวนายจรวดผู้ต้องหา ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 2-6 (อัยการ บอยเป็นผู้ต้องหาที่ 2) สั่งฟ้องเพียง นายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง เเละนายจรวด

ส่วนที่ สภ.ในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง สถานที่ทำงานของร.ต.ต.ธีรวุฒิ จันทร์แก้ว หรือหมวดติ๊ก อายุ 54 ปี หน.ชุดสายตรวจ หนึ่งในผู้ที่นายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้งปล่อยคลิปฉาวทีมอุ้มร่วมกับอัยการบอย พบว่าร.ต.ต.ธีรวุฒิลาราชการ 10 วัน สังเกตภาษากายเพื่อนข้าราชการตำรวจต่างแสดงอาการเป็นห่วง เพราะหลังตกเป็นข่าวร.ต.ต.ธีรวุฒิมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด

วันเดียวกัน พ.ต.ท.บรรเจิด มานะเวช รองผกก.9 ตำรวจน้ำ (ซึ่งดูแลพื้นที่จ.ตรังและสตูล) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเหตุผกก.9 มอบหมายให้เข้ามาดูแลคดีนี้เนื่องจากความรับผิดชอบด้านงานสืบสวนปราบปราม โดยให้ลงพื้นที่เพื่อจัดกำลังเฝ้าระวังในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เริ่มตั้งแต่พื้นที่ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ถึง อ.ทุ่งหว้า อ.ละงู และอ.เมืองสตูล (เกาะสาหร่าย เกาะตำมะลัง และชายแดนทั้งหมด) เพื่อกระจายกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่ตามเกาะแก่งทั้งหมดแล้ว ตรวจตราพื้นที่ที่เชื่อได้ว่ามีสวนปาล์มตามภาพถ่ายในคลิปของนายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้งเพื่อดูว่าใช่จุดเดียวกันหรือไม่ แต่ยังไม่พบ ขณะที่ตำรวจน้ำมาเลเซียรับปากว่าจะเพิ่มความถี่ในการตรวจตราและจับตานายเชาวลิต

“ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่านั่งเรือยอชต์ ไปติมอร์ ไม่น่าเป็นไปได้เพราะบ้านเราไม่มีเรือยอชต์ ถ้าจะไปเรือสปีดโบ๊ตก็ไปยากในช่วงนี้มีคลื่นลม ต้องใช้งบประมาณและผู้เชี่ยวชาญพอสมควร ตามความคิดผมเชื่อว่ายังอยู่ในประเทศไทย เชื่อได้ว่าไม่ได้ออกจากพื้นที่สตูลไปประเทศเพื่อนบ้าน ยังอยู่ในประเทศไทย สำหรับพื้นที่ในจังหวัดสตูลครั้งแรกผมสงสัยพื้นที่เกาะรังนก แต่ตรวจสอบแล้วพบว่าเกาะรังนกไม่มีสวนปาล์ม เกาะสาหร่ายก็เป็นไปไม่ได้ ส่วนชายแดนเกาะปูยู การข่าวไม่พบ และค่อนข้างเชื่อมั่นในการข่าวว่าเรามีเยอะพอสมควรทางทะเล แต่ทางบนเขานั้นเราไม่ทราบ” พ.ต.ท.บรรเจิดกล่าว

วันเดียวกัน ที่ศูนย์เรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ณ อาคารสำนักงาน ก.พ. ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำรองนายกฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แถลงข่าวกรณีแป้ง นาโหนด มอบหมายให้ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความ ส่งเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรม หลังถ่ายคลิปวิดีโอในห้องพักระบายความในใจไม่ได้รับความเป็นธรรมและพาดพิงอัยการรับเงินวิ่งคดี และมีเรื่องขัดแย้งกับตำรวจภาค 9 เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เปิดเผยว่า กรณีเกี่ยวข้องกับนายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง ยื่นหนังสือร้องความเป็นธรรมตรวจสอบข้อเท็จจริง ตรวจสอบร้องเรียน 7 ประเด็น รายละเอียดสามารถเปิดเผยได้บางส่วน สำหรับคดีปล้นทรัพย์ทำร้ายเจ้าหน้าที่ มีคำพิพากษาของศาลและคำฟ้องในคดี สรุปสั้นๆ ว่า นายเชาวลิตไม่ได้รับความเป็นธรรม คำร้องมีรายละเอียดเป็นคดีลักทรัพย์ แต่ปรากฏว่าถูกดำเนินคดีข้อหาปล้นทรัพย์แต่มีหลายกรรมต่างวาระ พิพากษาจำคุก 20 ปี 16 เดือน อยู่ระหว่างอุทธรณ์ ทำให้เกิดความสงสัยมาโดยตลอดในกรณีไม่ได้ประกันตัว

ส่วนบันทึกการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มี 3 นาย เป็นระดับสัญญาบัตร 2 นาย ชั้นประทวน 1 นายอยู่ในจดหมาย ให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ตรวจสอบ หากไม่ได้รับความเป็นธรรม ทางเราจะยื่นเรื่องไป 3 หน่วยงาน ได้แก่ 1. รมว.ยุติธรรม ในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ย.) 09.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม 2.สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ประสานกับเลขานุการ เพราะในส่วนที่เกี่ยวข้องมีอัยการมีอยู่หลายท่าน ตั้งแต่อัยการเจ้าของสำนวน อัยการจังหวัด และอัยการภาค ให้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้ตอบ โดยมีรองอธิบดีอัยการฝ่ายกฎหมายรับเรื่องดังกล่าว กรณีที่มีการสั่ง ไม่ฟ้อง ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรม หากมีข้อสงสัยก็ดำเนินการรื้อฟื้นคดีใหม่ 3.เวลา 13.30 น. วันที่ 30 พ.ย. ตนจะเดินทางไปพบผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ถูกต้องให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤตกล่าวเพิ่มเติมว่า จากการประสานงานกับทนายความ ทราบว่าความคิดเสี่ยแป้งเปลี่ยนไป จาก จะไม่เข้ามอบตัว เสี่ยแป้งจะโพสต์มี คลิปที่ 3 และอาจจะมอบตัวอีก 5 วัน ส่วนจะมอบตัวอย่างไรนั้น ไม่ติดต่อผ่านตนเองแน่นอน อาจจะติดต่อผ่านทางคนกลางหรือทนายความ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน