คำเตือนของ นายเสนาะ เทียนทอง ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปี่ยมด้วยความรัก ความห่วงหาอาทร อย่างลึกซึ้ง

ไม่มีเจตนาร้ายเจือปนแม้แต่น้อย

“ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะโดดลงมาเล่นการเมืองนั้นถือว่าเหนื่อย

ถ้ามาหลังเลือกตั้งจะไม่เหมือนกับ 3-4 ปีที่ผ่านมา

ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่ได้เจอของจริงในสภา หากเจอแล้วคงจะไม่ไหว”

เหมือนกับเป็นการสบประมาท แต่นี่คือ “ความจริง”

เป็นความจริงที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รู้ดี เป็นความจริงที่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร รู้ดี

นี่เป็นการเตือนจาก “ผู้อาวุโส”อย่างจริงใจ

หากนึกถึงคำอุปมาของ นายเสนาะ เทียนทอง ต่อการเข้ามาเล่นการเมืองของ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ว่า

เสมอเป็นเพียง “เด็กอนุบาล”

ก็จะเข้าใจว่าเหตุปัจจัยอะไรทำให้ นายเสนาะ เทียนทอง ต้องเตือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เช่นนี้

เพราะว่า นายเสนาะ เทียนทอง มีความจัดเจน

“แค่เจอสื่อมวลชนยังหน้าบูดหน้าบึ้ง ถ้าไปเจอกระทู้ในสภาหนักๆ หรือญัตติเรื่องสำคัญจะยิ่งกว่าไส้เดือนถูกขี้เถ้าอีก”

แน่นอน ที่เจอย่อมมิใช่ นักการเมืองอย่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ หรือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จากพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน หากแต่ยังมีหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ลับดาบรอเชือดอยู่

เป็นการรอเชือดในบรรยากาศที่ไม่มี “มาตรา 44” อยู่ในมือผลจะเป็นเช่นไร

ระดับ นายเสนาะ เทียนทอง ย่อมมองออก แทงทะลุ

เส้นทางของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังการเลือกตั้งจึงมิได้เป็นเส้นทางที่จะเดินไปบนพรมแดง

เหมือนหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

ตรงกันข้าม น่าจะเป็นการเดินไปบนเส้นทางอันเต็มไปด้วยขวากหนามและกับระเบิดมากกว่า

ไม่เพียงแต่จะเป็นกับระเบิดอันมาจากพรรคฝ่ายค้าน หากแต่ยังเป็นกับระเบิดอันรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 โดยฝีมือของบรรดา “เนติบริกร”ได้วางเอาไว้อย่างมากด้วยเงื่อนปม

ผ่าน “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน