ครอบครัวยื่นค้านประกันตัว เจ๊มด-ทีมฆ่าเสี่ยต้น หวั่นหลบหนี แม่เชื่อลูกถูกวางยา ในส่วนของการอโหสิกรรม ตนขอให้คดีสิ้นสุดก่อน

จากกรณีน้องสาวของนายพิชิต กลีบจินดา หรือเสี่ยต้น นักธุรกิจสอนนวดแผนไทย เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ กรณีพี่ชายเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ หลังเดินทางไปหาภรรยาที่ จ.มหาสารคาม เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยสภาพผิวศพดำ ซึ่งน้องสาวมองว่าผิดปกติอาจถูกวางยาพิษหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 เม.ย.67 เวลาประมาณ 01.30 น. เสี่ยต้นเคยถูกลอบยิงบริเวณถนนเลียบทางด่วนประดิษฐ์มนูธรรม ขณะขับรถกลับจากสถานบันเทิงย่านเอกมัย-รามอินทรา กทม.ในพื้นที่ สน.วังทองหลาง

ต่อมาตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาล้ว 3 ราย ได้แก่ น.ส.วรรณิภา หรือเจ๊มด อายุ 37 ปี ภรรยาผู้ตาย ในฐานะผู้จ้างวาน นายสาโรจน์ เสือสุวรรณ อายุ 25 ปี และนายวีรภัทร สุคนธทรัพย์ อายุ 25 ปี และอีก 1 รายคือนายณัฐพล ศิริโนนรัง อายุ 25 ปี มือปืนที่อยู่ในระหว่างการหลบหนี

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 4 มิ.ย.67 ที่สน.วังทองหลาง น.ส.ณัฐปภัษร์ น้องสาวผู้ตาย และนางปภาพินท์ กลีบจินดา อายุ 63 ปี แม่ผู้ตาย น.ส.ปนรรฐพร อยู่พิทักษ์วงศ์ อายุ 42 ปี ญาติผู้ตาย พร้อมด้วย น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง เดินทางยื่นคัดค้านประกันตัว 3 ผู้ต้องหาต่อพนักงานสอบสวน

ทนายกุ้ง เปิดเผยว่า วันนี้พาครอบครัวและญาติของเสี่ยต้น เดินทางมายื่นคัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหาทั้ง 3 รายที่ถูกจับกุมตัว เพราะโทษหนักสุดของผู้ต้องหาคือจำคุกตลอดชีวิต จึงเกรงว่าหากมีการประกันตัวจะหลบหนี หลังจากนี้จะติดตามต่อในส่วนของคดีการเสียชีวิตของเสี่ยต้นที่จ.มหาสารคาม ที่คาดว่าจะมีความเชื่อมโยงกันกับคดีที่เกิดขึ้นในท้องที่ สน.วังทองหลาง ขณะนี้ตำรวจเร่งสืบสวนหาความเชื่อมโยงอยู่ ซึ่งครอบครัวสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้แค่บางส่วน และในวันที่ 5 มิ.ย.67 จะยื่นคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาลอีกครั้ง

ทนายกุ้ง เปิดเผยว่า ส่วนกรณีของน.ส.วรรณิภา ภรรยาผู้ตาย ที่สามารถใช้สิทธิอ้างว่าบุตรไม่มีคนดูแล โดยจะใช้เป็นเหตุในการประกันตัวได้ ซึ่งก็อยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน เพราะคดียังไม่สิ้นสุด ขณะนี้มดได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ครอบครัวเชื่อมั่นในตำรวจที่มีหลักฐานที่ชัดเจนอยู่แล้ว และถึงแม้ว่าทางพนักงานสอบสวนจะยื่นคัดค้านการประกันตัวไปแล้ว แต่ครอบครัวจะยื่นคัดค้านการประกันตัวต่อไป ในส่วนของประกัน 16 ล้านบาทของผู้ตาย เบื้องต้นทราบว่าบุตรทั้ง 3 คนเป็นผู้รับผลประโยชน์ แต่ในส่วนนี้ยังไม่ได้ดูในรายละเอียดว่ากรมธรรม์มีเงื่อนไขอะไรบ้าง ซึ่งครอบครัวของเสี่ยต้นไม่ได้ตรวจสอบและติดตามในเรื่องนี้

นางปภาพินท์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าลูกสะใภ้จะเป็นคนลงมือ เพราะคิดว่าเป็นคนนอกมาโดยตลอด ตอนนี้ตนรู้สึกโกรธและไม่อยากพบหน้าลูกสะใภ้ เนื่องจากไม่มีอะไรจะพูดคุยด้วย ขณะนี้หลานทั้ง 3 คนอยู่กับญาติฝั่งลูกสะใภ้ และไม่ให้ติดต่อกับตน จึงมีความรู้สึกเป็นห่วงหลานทั้ง 3 และเชื่อว่าการตายของเสี่ยต้นที่จ.มหาสารคาม เกิดจากการถูกวางยา 100 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนของการอโหสิกรรม ตนขอให้คดีสิ้นสุดก่อน

ขณะที่น.ส.ปนรรฐพร กล่าวว่า ส่วนตัวตนเชื่อว่าน่าจะมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องและอยู่เบื้องหลังการตายของเสี่ยต้น นอกจากผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย เนื่องจากตัวภรรยาของเสี่ยต้นไม่ใช่คนเลวร้ายหรือมีพฤติกรรมรุนแรง หลังจากนี้ตนจะเป็นพยานในชั้นศาล เพื่อเล่าความจริงแทนผู้ตาย เพราะคนตายพูดไม่ได้ตนจะพูดแทนคนตายเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน