รมว.ยุติธรรม บินไปรับตัว แป้ง นาโหนด ที่อินโดนีเซีย เผยขั้นตอนหลังเดินทางกลับถึงไทย
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 มิ.ย.67 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดี ดีเอสไอ และ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 14.30 น. ไปกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อประสานแนวทางการรับตัวนายชวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ในขณะที่ทางการอินโดนีเซีย กำลังนำตัว นายชวลิต จากบาหลีมายังกรุงจาการ์ตา เพื่อสอบสวนในฐานความผิดที่กระทำระหว่างอยู่ที่อินโดนีเซีย
ทั้งการใช้บัตรประชาชนปลอม การทำร้ายร่างกายผู้หญิง หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด หลังจากนำตัวกลับมาแล้ว อาจใช้อำนาจพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ และให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการหลบหนี พร้อมขยายผลหาคนที่ให้การช่วยเหลือ นายแป้ง ในการหลบหนีและกระทำผิดในต่างประเทศ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า นายกฯ ได้ประสานกับกองทัพอากาศ และเลขา ป.ป.ส. เราจะใช้เครื่องบินกองทัพอากาศ ซึ่งความจริงทางการอินโดเขาเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ที่จะสามารถไปรับได้ แต่เนื่องจากว่าในขั้นตอนกระบวนการธุรการหรือเส้นทางการบินต้องขออนุญาตจากหน่วยงานของประเทศที่เราผ่านด้วย ความเหมาะสมที่สุดคือวันอังคารก็จะไปรับตัว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะ ท่านรักษาการ ผบ.ตร. ได้ประสานงานโดยตรงกับท่าน ผบ.ตร.อินโดนีเซีย
ซึ่งในครั้งนี้ก็ให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข รักษาการ รองผบ.ตร. ไปด้วย เพื่อไปอำนวยความสะดวก เนื่องจากในขั้นตอนการธุรการได้จบแล้ว ก็คือจะมีเครื่องบินของ ทอ. ไปรับตัว โดยการรับตัวนั้นก็ให้ตำรวจของเราแล้วก็ทราบว่าตำรวจของอินโดนีเซียมาส่งด้วย ที่นี้ในประเทศไทยมีกฎหมายเรื่องการทรมารหรือการอุ้มหาย ถือว่าเป็นการจับกุมพอเข้าประเทศไทยต้องมีการบันทึกวิดีโอ การบันทึกขั้นตอนต้องชัดเจน ต้องบันทึกการจับกุมตั้งแต่อินโดนีเซีย เราทำให้ครบตามขั้นตอนกฎหมาย
เรานัดประชุมในเรื่องการประสานงานภายในเพราะมันมีขั้นตอนของเอกสารหนังสือด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ไปเตรียมการไว้แล้ว แล้วก็จะประชุมเรื่องการร่วมมือกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ซึ่งได้รับการเดินทางมาจากของอินโดนีเซีย นอกจากนั้นเป็นความร่วมมือกับตำรวจ รวมถึงเป็นการขอบคุณของทางการอินโดนีเซียที่เราไปขอการสนับสนุน โดยเฉพาะตำรวจอินโดนีเซีย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจท้องถิ่น เกาะเมดาน หรือเกาะบาหลี ได้ทุ่มเททำงาน
ทราบว่าทางการอินโดนิเซียก็จะพามาพบคณะของเราด้วย ในขั้นตอนถ้า นายแป้ง ค้ายาเสพติดก็ต้องดำเนินการคดีในประเทศไทยอยู่แล้ว แม้ในเคสของ นายแป้ง จะยังไม่มีหลักฐาน แต่ถ้าเราไปอ่านคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีปล้นทรัพย์ มันจะมีเงื่อนไขตรงนั้น ส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตั้งเรื่องสืบสวนอยู่ ตำรวจอินโดนิเซียไม่ยืนยันว่ากระทำความผิด ซึ่งการสืบสวนสอบสวนในอนาคตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ก็มีจำนวนมากที่คนร้ายที่กระทำผิดในประเทศอินโดนิเซีย ก็จะออกหมายจับ เมื่อหนีไปอยู่ในประเทศไหนก็ต้องไปตามตัวกับมาดำเนินคดี เป็นการร่วมทางอาญา
เมื่อ นายแป้ง มาถึงประเทศไทย ก็ดำเนินคดีที่ยังสอบสวนอยู่ จะมีหมายจับของพัทลุง 3 หมาย แล้วก็หมายจับของนครศรีธรรมราช 1 หมาย ดำเนินคดีในข้อหา หนีที่คุมขัง พยายามฆ่า มีอาวุธปืน ที่ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ส่วนคดีที่ถึงที่สุดคือ การปล้นผู้ต้องหา จากเนื้อหาในสำนวนการขัดแย้งเรื่องยาเสพติด ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ถึงที่สุดแล้ว และอีกหลายคดีที่พยายามฆ่า ในพัทลุงอีกหลายแห่ง ไม่ทราบว่าคดีถึงที่สุดหรือยังแต่ยังไงเขาต้องอยู่ในเรือนจำ ในคดีเก่า ส่วนตำรวจจะสอบสวนก็ต้องมาอายัดตัวหรือสอบสวนในเรือนจำ ในคดีเด็ดขาดจะขังในเรือนจำได้ก็ได้
เราต้องคำนึง 2 เรื่อง ไม่หลบหนี ไม่ออกไปทำร้ายหรือก่อเหตุ ซึ่งเรือนจำเป็นเรื่องใหญ่ต้องไม่ให้หลบหนี ในเรือนจำเราก็มีลักษณะความมั่นคงสูงที่จะใช้ มีประมาณ 5-6 แห่ง พอ นายแป้ง มาถึงจะมีตำรวจมารับ ทราบว่า พล.ต.ท.ประจวบ กับคณะอาจจะมีชุดของหน่วยงานอื่นบ้างที่ไป พอรับตัวมาถึงเมืองไทย ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เจ้าพนักงานสอบสวนก็จะมาแจ้งข้อหา หลังจากนั้นเรือนจำก็จะเอาไปควบคุม
เบื้องต้น อธิบดีราชทัณฑ์ระบุสามารถควบคุมที่ไหนก็ได้ ในทางปฏิบัตินั้นเราจะควบคุมในท้องที่เกิดเหตุ เพราะว่าเวลาเอาตัวไปศาลฝากขังได้ง่าย แต่ในปัจจุบันนั้น เรามีทางออนไลน์ ก็จะมีความสะดวกมากขึ้น โดยจะฝากขังในเรือนจำที่กรุงเทพ เรือนจำบางขวาง เรือนจำคลองเปรม ตำรวจเข้าไปสอบในเรือนจำได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเมื่อเวลา 18.20 น.คณะของ พ.ต.อ.ทวี ทั้ง พล.อ.นิพัทธ์, พล.ต.ท.ประจวบ, พล.ต.ท.ภาณุรัตน์, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะเดินทางถึงประเทศอินโดนีเซีย โดยมี นายประพันธ์ ดิษยทัต เอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา และคณะให้การต้อนรับ ที่ท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา
